
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งคดีที่สังคมกำลังให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้ สำหรับข่าวฆ่าโบกปูน สามเณรปลื้ม วัดวังตะวันตก ต.คลัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยผู้ต้องหาหลักในคดีนี้คือ นายเด่นชัย ภูมินิยม และ น.ส.ปิยฉัตร อรุณสกุล หรือ บิว ผู้เป็นภรรยา ซึ่งชนวนก่อเหตุผู้ต้องหาอ้างว่า สามเณรปลื้ม ได้มาขโมยทรัพย์สินของภรรยาไปและไม่ยอมรับ ทำให้เกิดการทำร้ายจนถึงแก่ชีวิต ในขณะที่กระแสข่าวบางส่วนมองว่าผู้ตายอาจไปล่วงรู้ความลับบางอย่างจึงถูกฆ่าปิดปาก เพราะสามี-ภรรยา คู่นี้ มีอิทธิพลในวัด รวมถึงมีทรัพย์สินมากมากนั้น

จนกระทั่งวันที่ 31 ธ.ค. 60 ที่ผ่านมา โยมสีกาบิว ได้โทรศัพท์มาหาอาตมา ช่วงหัวค่ำและบอกอาตมาว่า สามเณรปลื้มได้ขโมยเงิน 50,000 บาท โทรศัพท์ไอโฟน สร้อยทองคำ จากนั้นโยมสีกาบิว ให้สามเณรปลื้ม คุยโทรศัพท์กับอาตมา ตอนนั้นสามเณรปลื้มกล่าวยืนยันกับอาตมาว่าไม่ได้ขโมยเงิน ไอโฟน สร้อยคอทองคำของโยมสีกาบิว
"เณรยืนยันด้วยชีวิต ว่าไม่ได้ขโมยเงินของโยมสีกาบิว เณรยอมตาย พ่อท่านช่วยกัน" นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่สามเณรทอง พูดกับอาตมา

รายได้อีกอย่าง คือ การขายรังนกนางแอ่น บนชั้นลอยใต้หลังคากุฏิ ขายได้ราวเดือนละ 350,000 บาท และรายได้ส่วนที่ 3 มาจากค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์รอบๆ วัด เป็นอาคารพาณิชย์ที่เช่าที่จากวัด มี 84 คูหา แบ่งเป็นด้านหน้าติดถนน 49 คูหา ค่าเช่าเดือนละ 1 พันบาท และด้านหลัง 35 คูหา ค่าเช่าเดือนละ 500 บาท รวมต่อเดือน 66,500 บาท ยังไม่รวมค่าแป๊ะเจี๊ยะรายปี ที่ผู้เช่าบริจาคให้วัดอีกรายละ 5 หมื่น ถึง 1 แสนบาท ต่อปี รายได้ตรงนี้ ผู้เช่าจะจ่ายด้วยการโอนเข้าบัญชีธนาคารโดยตรง และไม่มีใบเสร็จแต่อย่างใด
ที่มา: WorkpointTV
- Advertisement -