
เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. หลังจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ทนไม่ไหวกับการแต่งกาย รวมทั้งท่าเต้นของหมอลำซิ่งเงินล้าน “ลำไย ไหทองคำ” เจ้าของเพลง “ผู้สาวขาเลาะ”ถึงกับออกมาตำหนิระหว่างการประชุมเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา จนเป็นกระแสวิพากวิจารณ์อย่างหนัก ก่อนเจ้าตัวออกมาน้อมรับคำตำหนิรับปากว่าจะเต้นให้เบาลง


นางระเบียบรัตน์ กล่าวอีกว่า เรื่องการแต่งเนื้อแต่งตัวของนักร้องในปัจจุบัน รู้สึกสงสารผู้หญิงโดยเฉพาะบรรดานักร้อง นักแสดงที่ต้องตกเป็นเหยื่อการค้า โดยนักธุรกิจหรือนักลงทุนเอาผู้หญิงมาเป็นสื่อในเรื่องเซ็กซ์ ผู้ลงทุนนึกถึงแต่เรื่องผลประโยชน์ เป็นความเห็นแก่ได้เห็นแก่ตัวของผู้ประกอบธุรกิจ อย่างกรณีของ “ลำไย ไหทองคำ” น้องเป็นคนอีสานซึ่งชื่อ “ลำไย” นั้นก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะคนไทยบางคนโดยเฉพาะในภาคอีสานก็ตั้งชื่อตามผลไม้ ถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่นามสกุลที่ตั้งขึ้นมาว่า “ไหทองคำ” เป็นเรื่องที่ฟังแล้วจะรู้สึกหมิ่นเหม่มากในเรื่องของทางเพศหรืออวัยวะเพศ คนที่คิดชื่อและนามสกุล แม้เป็นเพียงแค่ในการแสดง แต่ไม่ควรนำเรื่องของเซ็กส์เป็นสื่อนำในการขายนักร้องคนดังกล่าว แม้ในความเป็นจริงนักร้องคนนี้ขายแค่เสียง คนที่ชมก็เห็นว่านักร้องคนนี้ไม่ได้ขายเฉพาะแค่ความสามารถ ดังนั้นคนตั้งชื่อให้ต้องการที่จะเอาชื่อเป็นตัวนำ ซึ่งก็เข้าใจในการทำธุรกิจนี้ว่าจะใช่ชื่อเรียบๆง่ายๆอย่าง ‘กนกอร พรประเสริฐ’ คนก็จะไม่สนใจ แต่พอประกาศชื่อว่า “ลำไย ไหทองคำ” คนก็จะฮือฮาว่าไหทองคำมันมีอะไร แล้วยิ่งมาบวกกับฝ่ายจัดเตรียมเสื้อผ้าที่จัดเสื้อผ้า เพื่อให้เห็นคำว่าไหให้ชัดเจนเข้าไปอีก


เมื่อถามว่าจะเรียกร้องไปยังนายทุนหรือผู้ประกอบธุรกิจหรือไม่ให้เห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้น นางระเบียบรัตน์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ต้องเรียกร้อง แต่ทุกคนน่าจะมีวิจารณญานว่าอย่าทำลายสถาบันของผู้หญิงเลย ขอให้ขายความสามารถของนักร้องคนนั้นๆ ดีกว่า แม้แต่ฉายาตั้งกันแบบอุบาทว์มากอย่าง “จ๊ะ คันหู” ตั้งฉายากันทำไม สองแง่สามง่าม ถ้าจะเรียกหรือพูดกันในกลุ่มเป็นโจ๊กก็คงไม่มีใครว่า แต่เมื่อทำออกสื่อ ออกสู่สาธารณะแบบนี้น่าละอาย เป็นห่วงเยาวชน


ที่มา: Khaosod
- Advertisement -