ปัญหาคนกรุงกับรถแท็กซี่แทบจะกลายเป็นปัญหาหลักของสังคมเมืองบนท้องถนนทุกวันนี้ โดยเฉพาะประเด็นยอดฮิตที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงกันบ่อยๆ คือ ปัญหาแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร หรือเลือกผู้โดยสารในเส้นทางที่อยากจะไป และยังมีทั้งการทิ้งผู้โดยสารกลางทาง พูดจาไม่สุภาพ หรือแม้แต่แอบแฝงตัวมาในรูปแบบของมิจฉาชีพ ที่จะล่อหลอกให้เราต้องหลงกลจนเสียเงินให้เพราะความสงสารอีกด้วย
อย่างเช่นกรณีของผู้โดยสารรายหนึ่ง ที่ออกมาบอกเล่าเรื่องราวของมิจฉาชีพในคราบคนขับรถแท็กซี่ผ่าน เฟซบุ๊กส่วนตัว
Pui Wannipa Nakwattana เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2560 ที่ผ่านมา โดยเธอระบุว่า เธอและแฟนหนุ่มได้เอารถไปเช็คที่อู่จึงต้องใช้บริการรถแท็กซี่ในขากลับ แต่กลับเจอแท็กซี่ตีหน้าเศร้า ทำเสียงเครือๆ จะร้องไห้ ก่อนเล่าเรื่องว่าเธอและแฟนจะเป็นผู้โดยสารคนสุดท้ายแล้ว เพราะเขากำลังจะตกงาน เนื่องจากทางอู่เรียกเก็บเงินประกันจากคนขับ 3,000 บาท ถ้าไม่มีให้ก็ไม่สามารถขับรถได้ต่อ
พยายามหยิบยืมเงินคนอื่นแล้วแต่ไม่มีใครให้ยืมเลย แม้แต่เพื่อนสนิท ซึ่งตอนนี้ตัวเขาเองไม่มีเงินแม้จะเติมน้ำมันเลยด้วยซ้ำ แถมชีวิตยังยากลำบาก มีภรรยาพิการ ต้องคอยไปรับยาสัปดาห์ละ 800 บาท และมีลูกแฝดวัย 9 ขวบ 2 คน ที่ต้องดูแล หลังจากนี้ก็ไม่รู้จะไปทำมาหากินอะไร เพราะไม่มีความรู้ แฟนของเธอจึงตัดสินใจลงไปกดเงินช่วยเหลือให้ไป 3,000 บาท
แต่แล้วก็มาพบกับความจริงในโลกออนไลน์ว่า เคยมีคนเจอแท็กซี่รายนี้เล่าเรื่องราวแบบเดียวกันนี้เพื่อหลอกเงินจากผู้โดยสารมาแล้ว
และหลังจากที่เรื่องราวดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ออกไป ก็มีชาวเน็ตำจนวนมากเข้ามาคอมเมนท์เล่าว่าเคยเจอพฤติกรรมแบบเดียวกันมาแล้วเป็นจำนวนมาก
และล่าสุด เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. เจ้าของเรื่องยังบอกเพิ่มเติมว่าแฟนหนุ่มได้ไปมาพูดคุยกับผู้สื่อข่าวอมรินทร์ ทีวี ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยังกล่าวว่า "ผมก็ยังยืนยันว่าการช่วยเหลือคนเป็นสิ่งที่ดี ในสังคมยังมีคนด้อยโอกาส คนที่รอคอยความช่วยเหลืออยู่เยอะมาก แต่ ณ วันนี้ เราอาจจะต้องรอบคอบมากขึ้น อาจจะต้องเสียเวลากับมันหน่อย คือฟังหูไว้หู ต่อให้น่าสงสารก็จริง แต่อาจจะต้องเช็กข้อมูลว่า เงินที่เรากำลังจะให้ หรือความช่วยเหลือที่เรากำลังจะส่งไป มันถึงจริงหรือเปล่า แล้วมันใช่อย่างที่เขาพูด เขาอ้าง หรือไม่"
นอกจากนี้เจ้าของเรื่องยังบอกอีกด้วยว่า "เมื่อเช้านี้แท็กซี่คนนี้ยังไปทำแบบเดิมอยู่เลยแถวทองหล่อค่ะ ระวังกันหน่อยนะคะ เรื่องถึง ผอ.ขนส่งทางบก แล้วค่ะ น่าจะเร่งตามจับในเร็ว ๆ นี้ค่ะ"
ทั้งนี้กรมการขนส่ง ได้รับทราบเรื่องแล้ว เบื้องต้นทราบสีรถและทะเบียนรถ ยอมรับว่าติดตามตัวยาก แต่ก็จะเร่งติดตามตัวต่อไป
ที่มา: เฟซบุ๊ก Pui Wannipa Nakwattana, AMARIN TVHD