
ในยุคที่บ้านเมืองเป็นแบบนี้ ราคาอาหารแพง ที่อยู่อาศัยแพง น้ำมันแพง ทุกอย่างที่ต้องการได้มาต้องใช้เงินทั้งนั้น คนเราจึงไม่อาจจะปฏิเสธการหาเงินได้เลย แต่บางคนก็เลือกที่จะหาเงินด้วยวิธีการเอามาจากคนอื่น หรือที่เรารู้จักในชื่อง่ายๆว่า “โจร” นั่นเอง
กว่าที่เราจะหาเงินมาได้สักบาทสักสตางค์มันไม่ได้ง่ายเลย เราทุกคนคงไม่ยอมให้ใครมาขโมยของเราไปได้อย่างง่ายดายแน่ๆ ดังนั้น การเรียนรู้วิธีการถูกโจรจารกรรม จึงเป็นวิธีที่คุณจำเป็นต้องเรียนรู้ ซึ่งวันนี้เราได้ยกคำบอกเล่าจากปากของคนที่เคยเป็นโจรมาบอก เราจะได้รู้แนวความคิดของคนพวกนี้ และสามารถป้องกันตัวเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของคนชั่วได้อีก
เราจะต้องมีวิธีการจัดการกับปัญหาหรือคนชั่วเหล่านี้อย่างไร ป้องกันตัวเองอย่างไร เรียนรู้ไว้อย่างตั้งแต่เนิ่นๆ ดีกว่าค่ะ จะได้ไม่ต้องพบเจอกับปัญหาเหล่านี้

1) การเลือกบ้านเป้าหมายก่อเหตุ
2) ช่วงเวลาในการก่อเหตุ
3) ขั้นตอนในการก่อเหตุ
ข้อมูลทั้งหมดมีประโยชน์ต่อประชาชนทั่วไป และสามารถนำไปเป็นแนวทางในการป้องกันการถูกโจรกรรมได้ มีดังนี้
1. อย่าคิดว่าการเปิดไฟไว้จะเป็นการหลอกให้โจรคิดว่ามีคนอยู่บ้านตลอด ถ้าจะให้เนียนจะต้องเปิดและปิดเป็นเวลาด้วย ไม่เช่นนั้น โจรจะรู้ว่าเราไม่อยู่บ้าน แต่พยายามเปิดไฟโชว์ไว้ทั้งวัน ทั้งคืนวิธีแก้ ให้ใช้โคมไฟอัตโนมัติแบบแสงอาทิตย์ หรือตั้งเวลาเปิดอัตโนมัติ
2. การคล้องกุญแจประตูรั้ว ต้องคล้องจากด้านในและมีแผงเหล็กบังไว้ด้วย

4. อย่าติดกล่องรับหนังสือพิมพ์หรือกล่องไปรษณีย์โปร่งๆ เพราะโจรจะรู้เจ้าของบ้านอยู่บ้านหรือไม่จากการสังเกตหนังสือพิมพ์หรือจดหมายที่คาไว้
5. โจรมักจะเลือกบ้านเดี่ยวที่มีรั้ว เพราะสามารถเข้าไปงัดได้อย่างถนัด ไม่มีคนได้ยิน และป้องกันคนเห็นได้มากกว่า เพราะขั้นตอนการงัดบ้านต้องใช้เสียงและใช้เวลาเหมือนกัน
6. ช่วงเวลาที่นิยมลงมือขโมย คือ ตั้งแต่ตีสาม เป็นต้นไป
7. โจรมักจะแอบมาดูลาดเลาตอนกลางวันก่อนลงมือ ถ้ามาตอนดึกแล้วสภาพทุกอย่างยังเหมือนเดิม และไม่มีใครอยู่ โจรก็จะลงมือเลย

9. ตู้เซฟทุกชนิดที่มีบานพับยื่นออกมานอกตู้ โจรสามารถงัดได้ทั้งหมด โดยมันใช้เลื่อยตัดบานพับก่อนงัด และไม่ว่าตู้เซฟจะเล็กหรือใหญ่แค่ไหน โจรก็สามารถเอาชะแลงมางัดได้ทุกตู้
วิธีแก้ เลือกซื้อตู้เซฟที่มีบานพับซ่อนอยู่ด้านใน และต้องทำช่องโบกปูนเพื่อฝังเข้าไปข้างใน ไม่ให้มันสามารถดึงตู้ออกมาได้ เท่านี้ก็จะงัดตู้เซฟไม่ได้แล้ว
10. ถ้าโจรสามารถเข้าบ้านได้ มันจะขึ้นไปที่ชั้น 2 เลย เพราะชั้นล่างมักไม่มีของมีค่าที่ต้องการ โดยของมีค่าที่มุ่งหามักจะซ่อนอยู่ในห้องนอน ในตู้เสื้อผ้า หรือตู้หัวเตียง
11. ควรติดสัญญาณกันขโมยตามหน้าต่าง ประตู และเป็นแบบมีเสียง เพราะเมื่อสัญญาณเตือนโจรมันจะหนีเลย
จงหลีกเลี่ยงการทำสิ่งที่ผิดๆ และเปลี่ยนพฤติกรรมให้เป็นไปตามนี้ เพื่อคุณจะได้ไม่ต้องเป็นคนกวักมือคนเรียกโจรเข้ามาขโมยของหรือขนทรัพย์สินภายในบ้านของเราไปโดยไม่รู้ตัวยังไงละคะ
ที่มา: Thaijobsgov
- Advertisement -