จากกรณีที่โลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปวิดีโอเหตุการณ์ ลูกสาวใจยักษ์ จับแม่ชราที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แก้ผ้าอาบน้ำริมระเบียงคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในจ.อุดรธานี ทั้งสาดน้ำใส่ ฉุดกระชากทารุณ จนชาวบ้านทนไม่ไหว เคยแจ้งนิติบุคคลของคอนโดไปแล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเป็นแม่ลูกกัน จนต้องวอนขอความช่วยเหลือจากเพจดัง [
คลิ๊กอ่าน: หดหู่ใจ!! ลูกสาวจับแม่ชราแก้ผ้า ทารุณแม่ทั้งที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ยิ่งเห็นยิ่งสลด เป็นลูกทำไมทำกับแม่แท้ๆ ได้ขนาดนี้?! (ชมคลิป)
ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 16 พ.ค. 2560 นายชยาวุธ จันทร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ได้สั่งการให้ทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.อุดรธานี ศูนย์ดำรงธรรม จ.อุดรธานี พร้อมด้วยตำรวจ และฝ่ายปกครอง ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่คอนโดที่เกิดเหตุ ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึง ก็ไม่สามารถเข้าในตัวอาคารได้ โดยพบกับเจ้าหน้าที่ของคอนโดและสอบถามประวัติการเช่าซื้อห้องที่เกิดเหตุ
โดยทางเจ้าหน้าที่ของคอนโด ชี้แจงว่า หลังมีคลิปเผยแพร่ในโลกออนไลน์นั้น ก็รู้สึกตกใจ โดยผู้ที่เช่าซื้อและอยู่อาศัยห้องที่ถูกระบุไว้ในคลิปเป็นของน.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 37 ปี ชาวจังหวัดอุดรธานี ซึ่งอาศัยอยู่กับแม่วัย 70 ที่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ เดินไม่สะดวก มาประมาณ 2 ปี โดยเจ้าของห้องจะเป็นผู้ดูแลแม่ตามลำพัง บางครั้งก็มีผู้ชายที่คาดว่าจะเป็นลูกมาเยี่ยมบ้างเป็นครั้งคราว
โดยทุกเช้าเจ้าของห้องจะออกไปทำงานตรงข้ามกับคอนโด และกลับมาตอนเที่ยงเพื่อป้อนข้าวแม่ และจะพาแม่ไปพบแพทย์เป็นประจำ วันนี้ทราบว่าเจ้าของห้องได้พาแม่ไปหาหมอที่โรงพยาบาลตั้งแต่เช้าที่ศูนย์ผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี และที่ผ่านมาไม่เคยเห็นว่ามีการใช้ความรุนแรงแต่อย่างใด
ด้านเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม ได้โทร. สอบถามไปยังศูนย์ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ทราบว่าน.ส.เอได้พามารดาอายุ 70 ปีซึ่งป่วยเป็นอัมพฤกษ์มาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลจริงและยินดีให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ทุกอย่าง
ขณะที่ นายภูมิพัฒน์ ธนาสิทธิตานนท์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.อุดรธานี บอกว่า หลังจากมีข่าวเรื่องคลิปดังกล่าวออกมา ก็ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่าเจ้าของห้องพาแม่ไปโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี จึงให้เจ้าหน้าที่ไปพบพูดคุยเพื่อสอบถามข้อมูลเรื่องที่เกิดขึ้นเบื้องต้น หลังจากนั้นทาง พมจ. และศูนย์ดำรงธรรมจะเชิญตัวมาพูดคุยกันอีกครั้งว่าข้อเท็จจริงเหตุที่เกิดตามคลิปเป็นอย่างไร เพื่อหาแนวทางการเข้าไปร่วมดูแลช่วยเหลืออีกทาง
ที่มา: Amarintv