- Advertisement -
loading...

เรื่องราวสุดเศร้า....หนูจะกลับบ้าน..?!


วันที่เธอเดินทางกลับบ้านนั้นตรงกับช่วงเทศกาล คนแห่แหนเดินทางกันหนีออกจากกรุงเทพกันอย่างคับคั่ง ตั๋วรถราบริษัทรถทัวร์ที่ต้องการก็เต็มหมด โชคดีที่ยังมีตั๋วรถจากบริษัทรถทัวร์ชื่อไม่คุ้นหู 

บทเพลงฝากใจไปบ้าน ของพจนาถ พจนาพิทักษ์ดังขึ้นในห้วงคิดของหญิงสาววัยเกือบ 30 ปี หล่อนเดินทางกลับบ้านอย่างถาวรไปพบครอบครัวที่จังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคเหนือสาเหตุที่กลับไปถาวรก็เพราะเหตุผลง่าย ๆ ว่า หญิงสาวถูกไล่ออกจากที่ทำงาน 

ในช่วงที่กรุงเทพสงบราบคาบจากการชุมนุมและความวุ่นวายในรอบหลายปี น่าเสียดายหัวใจเศร้าผลพวงจากเศรษฐกิจที่ตกต่ำทำให้บริษัทเธอเลิกจ้างและจ่ายเงินล่วงหน้า 6 เดือน หญิงสาวผู้ใช้ชีวิตทุ่มเททำงานให้บริษัทมาหลายปีจึงไม่เหลือเยื่อใยในเมืองหลวงแห่งนี้อีกต่อไป บ้านจึงเป็นทางเดียวแห่งปลายทางการดำรงชีพ คงมีงานให้ทำบ้างล่ะ 

วันที่เธอเดินทางกลับบ้านนั้นตรงกับช่วงเทศกาล คนแห่แหนเดินทางกันหนีออกจากกรุงเทพกันอย่างคับคั่ง ตั๋วรถราบริษัทรถทัวร์ที่ต้องการก็เต็มหมด โชคดีที่ยังมีตั๋วรถจากบริษัทรถทัวร์ชื่อไม่คุ้นหูที่มีปลายทางที่จังหวัดบ้านเกิดเหลืออยู่ใบหนึ่ง

เธอจึงซื้อ และเดินทางไปขึ้นรถกลับบ้านทันที รถทัวร์คันนี้แน่นด้วยผู้โดยสารหลากหลายสารพัดเพศ ผู้คน อายุ เธอนั่งติดริมหน้าต่างใกล้กับคนขับ ไม่อยากเสียเวลาฟังหนังฝรั่งบนจอทีวี จึงยัดหูฟังเสียบเข้ารูหู เพลงฝากใจไปบ้านดังขึ้น แม้สำเนียงและเนื้อเพลงจะเป็นการคิดถึงบ้านเกิดภาคใต้ ส่วนเธอกำลังมุ่งภาคเหนือ แต่ไม่สำคัญ เพลงก็คือเพลง ถ้าเพราะเสียอย่างก็คุ้มค่าที่จะฟังกันทั้งนั้น

รถทัวร์วิ่งฝ่าถนนวิภาวดีรังสิตไปได้ท่ามกลางรถติดที่ผู้คนต่างหลบหนีออกจากกรุงเทพ เหมือนหญิงสาวหมดรักชายหนุ่ม ทิ้งไปอย่างไร้เยื่อใย ทิ้งไปเหมือนเดินหายไปจากชีวิต ไม่เหลือความหลังเดิม ๆ ดี ๆ ให้จดจำอีก

เธอนั่งคิดในใจถึงความภักดีที่ทุ่มเททำงานให้กับบริษัท มาบัดนี้เพียงแค่จะปิดก็ทำกันง่าย ๆ จ่ายเงินแล้วเลิกรา ไม่ต่างจากกะหรี่นอนแหกขารอกระทำ จ่ายเงินแล้วแยกย้าย เยื่อใยของการทำงานหมดไป เศรษฐกิจเกิดอะไรขึ้น ทำไมทุกอย่างต้องมาตกลงที่เธอกับผองเพื่อนด้วย 

ไม่มีน้ำตาจากเจ้าหล่อน โทรศัพท์หาแม่ อีกฝ่ายยินดียิ่ง “กลับมาสิลูก...” เพียงแค่นี้หัวใจก็ชุ่มชื่นและมีกำลังใจก้าวเดินต่อไปในโลกนี้ ลืมความหลังกรุงเทพ ลืมคนรักเก่า ลืมความทรงจำต่าง ๆ นานา กลับไปสู่บ้านที่เป็นของเราอย่างแท้จริง 

เธอเคลิ้มหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ หนังฝรั่งฉายจบไปแล้ว ทุกอย่างอยู่ในความมืดมิด รถโยกไปมาตามประสารถทัวร์ หญิงสาวฝันถึงครอบครัวที่บ้านเกิด แม่รอรับ “เป็นไง เตือนแล้วว่าอย่าไป เขาไล่เอ็งออกมาง่าย ๆ ยิ่งกว่าลูกหมาเสียอีก” 

“คนกรุงเทพมันไว้ใจได้ที่ไหนเล่า” พ่อเสริมก่อนจะลูบผมเธอ “หนุ่มบ้านเราน่ารักตั้งเยอะ”

 “พี่ซื้อของฝากของเล่นจากกรุงเทพมาเปล่า?” หลานชายตัวดีถามได้ความอยากรู้อยากเห็น

“ไม่มีนาให้ทำแล้ว ทุกคนทำอย่างอื่นกันหมด พ่อเปิดร้านสะดวกซื้อมันดีจริง ๆ คนเขาแห่แหนมาซื้อกันเยอะมาก ไม่พอ บริษัทใหญ่ที่พ่อไปขออนุญาตเอาตราเอาร้านมาทำนะ เปิดแข่งกับร้านพ่อด้วย ดูสิ คนมันแข่งกันถึงขนาดนี้เลยเว้ย” แม่เล่าให้หญิงสาวฟัง

 “ไอ้บ้านนอกแบบในละครไทย นิยายโบราณหมดไปแล้ว ใครเชื่อว่าพวกเรายังเป็นแบบนั้นก็โง่เป็นควายหัดแดกหญ้าแล้ว” เพื่อนบ้านเข้ามาแจมในวงข้าวที่จัดขึ้น หญิงสาวได้แต่นั่งฟังพ่อกับแม่ผลัดกันเล่า หลานชายร้องเพลง พี่ชายพึ่งกลับจากการไปทำงานในห้าง น้องชายพึ่งเลิกเรียนพิเศษ ดู ๆ ไปมันก็ไม่ต่างจากชีวิตของผู้คนในกรุงเทพเท่าใดนัก

เสียงดังสนั่นปลุกเร้าเธอจากฝันที่ยังสานต่อไม่จบ มันดังแล้วโลกก็หมุนตลบ เธอถูกเหวี่ยงอย่างรุนแรง จำได้ว่ามีเสียงสะดุ้งกรีดร้องของผู้คน หญิงสาวจำอะไรไม่ได้ เพียงแค่ชั่วพริบตา โลกมันหมุนเหวี่ยงอย่างรวดเร็ว สักพักก็ส่งเสียงดังราวรามสูรขว้างขวาน แล้วเธอก็ราวกับถูกมือมรณะจับโยกไปมาหลายครั้ง ก่อนจะขว้างทิ้งอย่างไร้ความหมายที่พื้นถนนตรงหน้า 

บัดนี้เธอรู้สึกชาเป็นอย่างยิ่ง ไม่รู้สึกเจ็บ พยายามรวบรวมเรี่ยวแรงลุกขึ้น หันไปมองข้างหลัง รถทัวร์คว่ำอย่างเละเทะ ได้ยินเสียงผู้คนร้องระงมด้วยความเจ็บปวด แต่หล่อนไม่เจ็บปวดสิ่งใด พยายามลุกยืน รู้สึกถึงอะไรบางอย่างขัดที่ท้อง นั่นกระจกชิ้นใหญ่ เสียบเข้าที่ท้องของเธอ เลือดไหลอาบโดยไม่มีท่าทีจะหยุด ทำเอาเธอสั่นไปทั่วสรรพางค์กาย นึกถึงความตาย นี่ กระจกมันเสียบเข้าไปแบบนี้ เธอจะต้องมาตายข้างถนนแบบนี้เหรอ ทุกอย่างต้องลงเอยแบบนี้หรือ...ชีวิต

ไม่!! เธอคิดอย่างเด็ดเดี่ยว ต้องไม่ตาย ต้องไม่ตายตรงนี้ เธอจะต้องกลับบ้าน ที่นี่ที่ไหน...เธอมองไปรอบ ๆ คงไม่ไกลจากบ้าน ใช่ก็แค่ก้าวเท้าเดินไปเรื่อย ๆ ทีละนิด เธอจะกลับบ้าน ใครก็หยุดยั้งเธอไว้ไม่ได้ 

หญิงสาวก้าวเดินต่อไป รู้สึกชาไปหมด ไม่มีความเจ็บปวดแล่นพล่านแต่อย่างใด เลือดไหลออกจากท้องจำนวนมหาศาล เธอกุมมันไว้ราวกับไม่อยากให้ไหลสู่พื้นถนน เสียงร้องยังดังระงมอยู่ข้างหลังจนเธอรู้สึกกลัว

เรี่ยวแรงเริ่มหมด หายใจออกมาถี่รัว ไม่มีเลือดไหลออกจากปาก เหมือนในหนังสงครามบ้าบอไร้สาระ เลือดมันไหลจากบาดแผลตรงช่องท้องเธอ ไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว เธอทรุดกายนั่งลงกับพื้น 

ไม่! จะมาหยุดอยู่ที่นี่ไม่ได้ เธอจะกลับบ้าน ไม่มีเรี่ยวแรงขาให้เดินอีกต่อไปแล้ว จึงค่อย ๆ คลานไปทีละนิด ทีละนิด ไปเรื่อย ๆ ก็คงไปถึงบ้าน ชาไปหมดแล้ว เพียงประเดี๋ยวก็รู้สึกหมดแรง คล้ายจะหลับ แต่หญิงสาวไม่สนใจเธอยังพยายามกระเสือกกระสนเดินทางกลับบ้าน หนูจะกลับบ้าน ไปหาครอบครัว กลับไปมีชีวิตจริง ๆ อีกครั้ง ค่อย ๆ ไป เธอคิดในใจ 

ไม่นานก็คงถึง 

ใช่...ไม่นานก็คงถึง

ที่มา : Dailynews
Google Plus
- Advertisement -