- Advertisement -
loading...

สุดยอด! ด.ช.วัย 14 ปี หาเงินได้วันละ 5 หมื่น ตัวเองระหว่างทานอาหารเย็นทางอินเตอร์เน็ต!?


ระหว่างทานข้าวก็สามารถหารายได้ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้จริงๆเหรอ ? ใช่แล้ว หนุ่มวัยรุ่นเกาหลีชื่อว่าคิมซองจิน ถ่ายทอดสดตัวเองระหว่างทานอาหารเย็นทางอินเตอร์เน็ตทุกวัน สามารถทำเงินเฉลี่ยประมาณห้าหมื่นดอลล่าร์ไต้หวันต่อคืน โดยวีดีโอที่มีชื่อที่สุดเคยทำรายได้ให้กับเขากว่า 275,000ดอลล่าร์ไต้หวัน!

             ตอน นี้เขามีแฟนคลับมากกว่าพันคน ทุกๆคืน แฟนคลับกลุ่มนี้จะเกาะติดหน้าจอคอมพิวเตอร์ เพื่อติดตามการถ่ายทอดสด อยู่เป็นเพื่อนทานข้าวและพูดคุยกับเขา


             คิม ซองจินเป็นเด็กวัยรุ่นอายุ 14 ปี มีรูปร่างเล็ก ผอม  เป็นเจ้าของการถ่ายทอดสดที่อายุน้อยที่สุดบนเว็บไซต์ถ่ายทอดสดที่มีชื่อของเกาหลีที่ชื่อว่า Afreeca Tv โดยเขาใช้ชื่อบัญชีว่า Patoo

             บ้านพักของคิมซองจินอยู่ทางใต้ของกรุงโซล และสถานที่ในการถ่ายทอดสดคือห้องของเขาเอง

             คิม ซองจินกล่าวว่า เจตนาแรกเริ่มในการถ่ายทอดสดการทานอาหารคือ อยากจะหาคนที่สามารถทานข้าวเย็นพร้อมกับเขาได้ พ่อแม่ของคิมซองจินทำงานข้างนอก เขาอยู่กับคุณปู่คุณย่า และเวลาที่คนสูงอายุทานอาหารเย็นนั้นเร็วเกินไปสำหรับคิมซองจิน ดังนั้นคิมซองจินจึงต้องทานอาหารคนเดียว

             เขาบอกว่า การถ่ายทอดสดการทานข้าว ทำให้เขาทานข้าวเย็นเป็นเวลามากขึ้น


                ปัจจุบัน คิมซองจินพอมีชื่อเสียงบ้างแล้ว "ระหว่างที่เดินบนถนน ก็จะมีคนมาทักทายผมบ้างครับ" ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนที่กินอาหารแล้วดูดี แถมระหว่างการทานอาหารมีการเรอและตะโกนอยากจะเข้าห้องน้ำด้วย


                  มีคนสันโดษจำนวนไม่น้อยที่ถ่ายทอดสดตัวเองระหว่างทานข้าว บนเว็บไซต์ AfreecaTv 

                  ผู้ดูแลเว็บไซต์ อันจุนซู กล่าวว่า ถึงแม้ว่าจะเป็นการทานข้าวผ่านทางอินเตอร์เน็ต แต่ขณะทานข้าวได้ยินคนอื่นคุยกัน ก็รู้สึกว่าทำให้มีความรู้สึกใกล้ชิดกัน


                 วัยรุ่นโดยมากมักจะชอบมีปฏิสัมพันธ์กับเจ้าของผู้ถ่ายทอดสด มีการฝากข้อความ

                 นักเรียนชั้นมัธยมปลาย อันวอนจุน อายุ 17 ปี กล่าวว่า เขามีความสุขกับการนอนอยู่ในห้องนอน แล้วดูการถ่ายทอดสดการทานข้าว มากกว่าที่จะต้องเผชิญหน้ากับพ่อแม่

                 วัฒนธรรมที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นการนำการทานข้าว การพูดคุยของผู้คนย้ายไปไว้บนอินเตอร์เน็ตซะแล้ว

ที่มา : Cnnnews
Google Plus
- Advertisement -