
ไทยมีโอกาสขายข้าวได้แล้ว เมื่อตลาดส่งออกต่างประเทศเริ่มรับซื้อข้าวเปลือกเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ราคาข้าวเปลือกพุ่งกระฉูดเฉียด 10,000 บาทต่อตัน ออร์เดอร์ส่งออกทะลักทั้ง ข้าวอิหร่าน-บังกลาเทศ ฉุดราคาขึ้นยกแผง ตลาดรอข่าวดีข้าว G TO G อินโดนีเซีย-ฟิลิปปินส์ช่วงครึ่งหลังปีนี้ ผู้ส่งออกวิ่งหาโรงสีซื้อข้าวส่งมอบ พาณิชย์ปลื้มราคาขึ้นกว่าเป้าตันละ 2,000 บาท


นายสมบัติ เฉลิมวุฒินันท์ ประธาน บริษัทเอเซีย โกลเด้นไรซ์ กล่าวกับ ประชาชาติธุรกิจ ว่า ราคาส่งออกข้าวนึ่งและข้าวขาวขณะนี้ได้ปรับขึ้นหมด โดยข้าวนึ่งจากตันละ 450 เหรียญปรับขึ้นเป็นตันละ 460 เหรียญ ส่วนราคาข้าวขาวปรับขึ้นจาก 440 เหรียญเป็นตันละ450 เหรียญแล้ว ส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกปรับตัวสูงขึ้นเป็น 9,000 บาทต่อตัน

นายศุภชัย วรอภิญญาภรณ์ ประธานกรรมการ บริษัทธนสรรไรซ์ มองว่า การส่งออกไทยข้าวไทยปีนี้ไม่น่าต่ำกว่า 9.5 ล้านตันจากออร์เดอร์อิหร่านและความต้องการข้าวนึ่งและข้าวข้าวที่เพิ่มขึ้น โดยบริษัทได้รับออร์เดอร์ข้าวหอมมะลิจากอิหร่านที่เข้ามาก่อนหน้านี้ไปแล้วประมาณ 40,000 ตัน

นายโกสินทร์ จงพัฒนสมบัติ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทแสงฟ้า กล่าวว่า ตลาดส่งออกข้าวกลับมาแล้ว โดยเฉพาะตลาดเก่าอย่างอิหร่านที่เคยเป็นคู่ค้าสำคัญได้กลับมาซื้อข้าวเป็น ข้าวหอมมะลิข้าวขาว 100% ทำให้มีออร์เดอร์กลับมาถึง 300,000 – 400,000 ตัน รวมถึงบังกลาเทศ ซึ่งมีออร์เดอร์ลอตแรกไปแล้ว 50,000-60,000 ตัน ส่งผลดีต่อจิตวิทยาทางการตลาด
“นอกจากนี้ยังมี ฟิลิปปินส์ จะซื้ออีก 200,000-300,000 ตัน และอิรักจะมีการเปิดประมูลข้าวอีก 90,000 ตันส่งผลให้ราคาส่งออกข้าวปรับขึ้นอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่เดือนเมษายน-มิถุนายนราคาส่งออกข้าวไทยขยับขึ้นไป 70-80 เหรียญต่อตันแล้ว” นายโกสินทร์กล่าว

“ตอนนี้ถือเป็นโชคดีของผู้ส่งออกที่มีสต๊อกข้าวอยู่ เพราะตลาดดีมาก เมื่อผู้ส่งออกไปรับคำสั่งซื้อล่วงหน้า ก็จำเป็นต้องวิ่งหาข้าวส่งจึงทำให้เกิดปัญหา Shot Covering ในช่วงนี้” นายวิชัยกล่าว ข้อมูลจากสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ระบุถึงผู้ส่งออกสูงสุด 5 อันดับแรก ช่วง 5 เดือนแรก 1)บริษัทเอเซีย โกลเด้นไรซ์ 660,175 ตัน 2)บริษัทนครหลวงค้าข้าว 624,194 ตัน 3)บริษัทธนสรรไรซ์ 395,890 ตัน 4)บริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด 257,296 ตัน และ 5)บริษัทแสงฟ้า อะกริโปรดักซ์ 247,124 ตัน


ขณะที่สถานการณ์ความต้องการบริโภคข้าวก็เพิ่มขึ้นด้วยโดยเฉพาะตลาดนำเข้าสำคัญของไทยที่หายไปเช่นตลาดฮ่องกง, สิงคโปร์ และ อิหร่าน ตอนนี้เริ่มมีคำสั่งซื้อเข้ามา และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นด้วย โดยที่ผ่านมา รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์อิหร่าน ได้พบกับ นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการพาณิชย์ ฝ่ายอิหร่านแจ้งว่า ต้องการซื้อข้าวในรูปแบบเอกชน-เอกชน ส่วนตลาดแอฟริกาก็มีความต้องการซื้อข้าวมากขึ้น
“นอกจากนี้ยังมีสัญญาณความต้องการซื้อข้าวแบบ GtoG ตลาดอื่นๆอย่าง อินโดนีเซียต้องการซื้อข้าวประมาณ 50,000 ตัน ทางฟิลิปปินส์ต้องการอีก 250,000 ตัน และยังมีศรีลังกาและบังคลาเทศอีกเท่าที่ประเมินน่าจะได้อีก 50,000-100,000 ตัน โดยรวมเป้าหมายการส่งออกข้าวปีนี้จะปรับขึ้นเป็น 10.5 ล้านตันจากเดิมที่กำหนดไว้ว่าจะส่งออกได้ 10 ล้านตัน ซึ่งคงใกล้เคียงกับอินเดียที่คาดว่า จะส่งออกข้าวได้ 10 ล้านตัน ส่วนเวียดนามน่าจะส่งออกได้ 5-6 ล้านตันเพราะ สต๊อกข้าวลดลงถึงปลายปี” น.ส.วิบูลย์ลักษณ์กล่าว

ล่าสุดมีรายงานว่า คณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวเห็นชอบระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาลที่เปิดประมูลเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนหรือเข้าสู่อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ปริมาณเกือบ2ล้านตันจากที่มีผู้เสนอราคาสูงสุด 2.12 ล้านตันเตรียมเสนอให้ นบข.พิจารณาอนุมัติขายต่อไป


”รัฐบาลจะอุดหนุนเบี้ย 61.37 บาทต่อไร่ ส่วนเกษตรกรที่เป็นลูกค้าสินเชื่อของ ธ.ก.ส. จะได้รับการอุดหนุนเบี้ยอีก 36 บาทต่อไร่ รวมแล้วเกษตรกรที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส.ไม่ต้องจ่ายแม้แต่บาทเดียว ระยะเวลาการขายประกันเริ่มฤดูกาลเพาะปลูก-31 สิงหาคมนี้ ยกเว้นภาคใต้ถึง15 ธันวาคม 2560″
ที่มา: Zocialx
- Advertisement -