เมื่อเวลา 12.00 น ของวันที่ 9 พ.ค. 60 ร.ต.อ. รัฐพงศ์ ทองธรรมชาติ รองสว.สส สภ.โกสุมพิสัย มหาสารคามได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีเหตุทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธขวานได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 รายที่บ้านเลขที่ 83 หมู่ บ้านเขื่อนใต้ ต.เขื่อน อ.โกสุมพิสัย จึงแจ้ง พ.ต.ต.วิชัย บรรพจันทร์ ร้อยเวร สภ.โกสุมพิสัย ให้ไปยังที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัย 245 โกสุมพิสัย
ที่เกิดเหตุ เป็นลานหน้าบ้านไม้ยกสูง พบชาวบ้านมุงดูเหตุการณ์อยู่เป็นจำนวนมาก โดยผู้ได้รับบาดเจ็บคือ นายประดิษฐ์ ไชยศรี อายุ 36 ปี นอนอยู่บริเวณบันไดบ้าน สภาพไม่สวมเสื้อ สวมกางเกงขาสั้นกีฬา มีรอยสักลายเต็มตัว มีบาดแผลฉกรรจ์ที่บริเวณข้อเท้าซ้าย ขนาดยาว 5 เซนติเมตร บาดแผลลึกถึงกระดูก มีเลือดไหลนองเต็มพื้น นอนหงายไม่รุ้สึกตัว
เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงได้รีบทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนช่วยกันปั๊มหัวใจแต่ไม่สามารถช่วยชีวิตได้ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบมีดอีโต้ 1 เล่มตกอยู่
โดยมีผู้ที่ก่อเหตุ คือ นายเสริม ไชยศรี อายุ 65 ปี เป็นพ่อแท้ๆ ของผู้ตาย ยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมขวาน ที่มีคราบเลือดติดอยู่ จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน และคุมตัวไปสอบสวนที่ สภ โกสุมพิสัยต่อไป
จากการสอบถามเพื่อนบ้านทราบว่าพ่อลูกคู่นี้มีเรื่องทะเลาะกันบ่อยครั้ง เนื่องจากลูกชายชอบดื่มสุรา พอเวลาเมาก็มาหาเรื่องพ่อ เพื่อขอเงินไปกินเหล้าต่อ ถ้าไม่ได้ก็จะทำร้ายคนในบ้านเป็นประจำ ทำให้มีเรื่องกันไม่เว้นแต่ละวัน ก่อนเกิดเหตุลูกชายไปดื่มเหล้าเมามาจากหมู่บ้านข้างเคียง เมื่อมาถึงบ้านก็ขอเงินกับยาย ที่นั่งอยู่ใต้ถุนบ้าน เมื่อไม่ได้ก็ไม่พอใจเตะข้าวของกระจัดกระจาย จากนั้นได้เดินขึ้นไปเอามีดโต้บนบ้านลงมาจังหวะที่กำลังลงมาก็ได้เจอนายเสริมทะเลาะกับพ่อ ประกาศว่าวันนี้จะฆ่าพ่อให้ตาย พร้อมกับหาเรื่องเพื่อนบ้านข้างเคียง
ก่อนเกิดเหตุผู้ตายเมาเหล้า เดินเข้ามาขอเงินกับยาย ที่นั่งอยู่ใต้ถุนบ้าน ไม่พอใจเตะข้าวของกระจัดกระจาย และยังประกาศว่าวันนี้จะฆ่าพ่อให้ตาย พร้อมกับหาเรื่องเพื่อนบ้านข้างเคียง จากนั้นได้เดินขึ้นไปเอามีดีโต้บนบ้านลงมาจังหวะที่กำลังลงมาก็ได้เจอนายเสริม ผู้เป็นพ่อ คิดว่าคงจะมาต่อว่าตนเอง เลยเงื้อมีดอีโต้จะฟันใส่ นายเสริมจึงหลบ และใช้ขวานจามเข้าไปถูกบริเวณข้อเท้าซ้าย บริเวณเส้นเลือดใหญ่ ร่างของผู้ตายจึงล้มลงที่บันไดทางขึ้นบ้าน จนแน่นิ่งไป
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ก่อนจะควบคุมตัวเพื่อนำไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ที่มา: Tnews, Manager