
จากกรณี "ซินแสโชกุน" หรือ น.ส.พสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ อายุ 31 ปี เจ้าของธุรกิจเครื่อข่ายขายตรงและเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน หลังจากหลอกสมาชิกนับพันคนว่าจะพาไปท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น แต่ภายหลังกลับลอยแพที่สนามบินสุวรรณภูมิ จนได้มีการฝากขังซินแสโชกุนผลัดแรกที่ทัณฑสถานหญิงกลาง ตามที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันที่ 18 เม.ย. 60 ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ทหารนำตัว นางมณฑญาณ์ หรือ นางจันทร์ฉาย อายุ 55 ปี มารดาของ น.ส.พสิษฐ์ หรือ ซินแสโชกุน พร้อมผู้ต้องหาอีก 7 คน ส่งมอบให้พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม เพื่อสอบปากคำดำเนินคดีฉ้อโกงประชาชน และอั้งยี่ซ่องโจร [คลิ๊กอ่าน: อึ้งหนัก!! โซเชียลแฉ! "ซินแสโชกุน" ดันตัวเองเป็นพระเอกละคร.. เตรียมฉายปีหน้า!?]
โดยมี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. พร้อมคณะ ควบคุมการสอบสวนด้วยตัวเอง ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และขอให้การชั้นศาล พร้อมกับยืนยันว่า น.ส.พสิษฐ์ ไม่ได้หลอกลวงประชาชน

นางมณฑญาณ์กล่าวต่อว่า กรณีที่มีภาพตนปรากฏอยู่บนเครื่องบินเช่าเหมาลำ นั้น เป็นเพราะบุตรสาวอ้างว่าทำธุรกิจรับส่งนักธุรกิจมีเครื่องบินเช่าเหมาลำทั้งหมด 8 ลำ เส้นทางระหว่างมาเก๊า-ฮ่องกง โดยไม่รู้ว่าบุตรสาวเป็นเจ้าของเอง หรือเป็นเพียงแค่หุ้นส่วนเท่านั้น ส่วนคนที่ตนเคยเชิญชวนให้ร่วมเดินทางท่องเที่ยว มีอยู่ 2 คน คือ อุ๊-มิณทร์ลดา เจริญทวีรัตน์ ดาราและพิธีกร อดีตรองมีสทีนไทยแลนด์ 2010 และอีกคนซึ่งจำชื่อไม่ได้ เขาไม่มีเงินเพียงพอที่จะจ่ายจำนวน 9,730 บาท คนหนึ่งมีเพียง 5,000 บาท อีกคนมีเพียง 1,000 บาท ตนจึงออกเงินให้ก่อน เพราะแค่ต้องการช่วยเท่านั้น
ส่วนเรื่องที่มีบางคนนำภาพขณะที่ไปเที่ยวฮ่องกงและญี่ปุ่นครั้งที่ผ่านมาไปโปรโมทว่าจะมีการเช่าเหมาลำ 2 สายการบินพาไปเที่ยวญี่ปุ่นนั้น ยืนยันว่าไม่ได้ติดต่อทั้ง 2 สายการบิน และจะฟ้องกลับคนที่นำไปเผยแพร่ด้วย ส่วนเรื่องหลักฐานการจองสายการบินและรายชื่อนักธุรกิจจะขอให้การในชั้นศาล
ที่มา: Prachachat, Dailynews Online
- Advertisement -