
จากกรณีพบศพเด็กทารกแรกเกิดถูกฆ่าแล้วนำมาทิ้งไว้ในถังขยะข้างสวนสาธารณะวังมัจฉา ริมหนองบัว ชุมชนหนองเหล็ก ต.หมากแข้ง อ.เมือง เขตเทศบาลนครอุดรธานี เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยพบศพของทารกเพศหญิงแรกเกิด ถูกของแข็งทุบหัวและถูกเชือดคอหวิดขาด พยานระบุว่าก่อนเกิดเหตุขณะเก็บขยะอยู่เห็นวัยรุ่นซ้อนรถจักรยานยนต์มาด้วยกัน 3 คนมีผู้ชายเป็นขับ ผู้หญิงอีก 2 คนนั่งซ้อนท้าย [คลิ๊กอ่าน: คนเก็บขยะช็อก!! กำลังเก็บขยะ เห็นวัยรุ่นขับจักรยานยนต์ขับผ่านไป พอเปิดถังขยะออกดูถึงกับผงะ น้ำตาไหล!!]
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบถามพยานในที่เกิดเหตุ และเรียกตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบสวนและตรวจสอบกล้องวงจรปิด แต่พบว่าเป็นช่วงกลางคืนมองอะไรไม่ได้ชัดเจนมากนัก จึงยังคงเป็นเพียงผู้ต้องสงสัยเท่านั้น โดยผู้ต้องสงสัยเป็นวัยรุ่นผัวเมียคู่หนึ่ง สามีอายุ 20 ปี ทำงานพนักงานร้านพิซซ่า สาขายูดีทาวน์ ส่วนภรรยาวัยแค่ 16 ปี ทำงานเสิร์ฟร้านอาหารอีสานชื่อดัง "นัวเวอร์" ที่ยูดีทาวน์เช่นเดียวกัน
พร้อมด้วยน.ส.ทิพย์ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ชาวอ.สร้างคอม จ.อุดรธานี พนักงานเสิร์ฟร้านอาหารอีสานชื่อดัง ในศูนย์การค้ายูดีทาวน์ มาสอบสอบปากคำ หลังพบหลักฐานจากกล้องวงจรปิดตัวหนึ่งจับภาพหญิงสาวคนหนึ่งสวมผ้าถุงเดินถือถุงขยะสีดำออกไปที่ถนนตรงจุดเกิดเหตุ ช่วงเวลาประมาณ สี่ทุ่มเศษๆของคืนวันที่ 30 พ.ย.
น.ส.ทิพย์ยอมรับสารภาพว่า เป็นคนเดียวกันที่อยู่ในกล้องวงจรปิด และร่ำไห้ออกมาทันทีว่าเป็นคนลงมือฆ่าปาดคอลูกในไส้ของตัวเอง เพราะไม่อยากมีปัญหากับสามี และยังไม่พร้อมที่จะมีลูก โดยปิดบังเรื่องตั้งท้องกับสามีมาโดยตลอด โกหกว่าไปตรวจมาแล้วหมอบอกว่าอ้วน ไม่ได้ตั้งท้อง กระทั่งเกิดคลอดลูกโดยไม่ตั้งใจขณะนอนพักอยู่ในห้องคนเดียว คิดว่าไม่มีใครรู้เรื่องจึงตัดสินใจฆ่าลูกและกลับมานอนพักและทำความสะอาดคราบเลือดทิ้งหลักฐานทั้งหมด
พ.ต.อ.ณัฐนนท์ กล่าวว่า กระทั่งหลังเลิกงานประมาณสามทุ่มเศษ สามีขับขี่รถจักรยานยนต์มาส่ง น.ส.ทิพย์ ที่หอพัก แล้วสามีกลับไปทำงานต่อที่ร้านพิซซ่า แล้วไปเล่นสนุกเกอร์กับเพื่อนๆจนประมาณช่วงเที่ยงคืนจึงกลับมาที่ห้องก็พบว่าน.ส.ทิพย์นอนพักอยู่ในห้อง และยังเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจที่เกิดเหตุพบศพทารกถูกฆ่าทิ้งถังขยะอยู่ทางเข้าหอพัก เมื่อตำรวจมาสอบถามก็ปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น ประกอบกับเบื้องต้นพยานในหอพักไม่พบสิ่งผิดปกติว่าน.ส.ทิพย์ท้องโย้ แต่อ้วนอวบแค่นั้น
ด้านพ.ต.ท.ชาญณรงค์ รองผกก.สส.ฯ กล่าวว่า หลังสั่งการ พ.ต.ต.สมภพ กองสมบัติ สว.สส. ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตัวหนึ่งที่สามารถจับภาพเงาเหมือนหญิงสาวสวมผ้าถุงเดินถือถุงขยะใบใหญ่เดินไปที่ริมถนน จึงได้นำมาทำภาพเชิงซ้อนและขยายใบหน้าเปรียบเทียบโดยใช้เทคนิคพิเศษในการจับผิดภาพ จนทำให้ผู้ต้องสงสัยยอมจำนนต่อหลักฐาน กระทั่งน.ส.ทิพย์ให้การรับสารภาพว่า คืนวันเกิดเหตุที่นอนพักอยู่ที่ห้อง เกิดปวดท้องเหมือนปวดอุจจาระ จึงเดินเข้าไปในห้องน้ำแต่ไม่ทันจะนั่งก็เกิดตกลูกออกมาจนลูกกระแทกกับโถส้วมและตกลงไปในโถส้วม
"เมื่ออุ้มเด็กขึ้นมาดูพบว่าแน่นิ่งไม่หายใจ อีกทั้งการตั้งท้องก็ปิดเรื่องไม่ให้สามีรู้เรื่อง จึงตัดสินใจฆ่าลูกทิ้งด้วยการเอามีดปอกผลไม้มาเชือดคอ และขณะเชือดคอเด็กทารกได้เอามือหยิกแขนผู้เป็นแม่ด้วยความเจ็บปวดก่อนสิ้นใจตาย จากนั้นก็เดินลงมาเอาถุงขยะสีดำที่ชั้นล่างของหอพัก เพื่อมาห่อศพทารกไปทิ้งด้วยการนุ่งผ้าถุงออกไปที่ถังขยะจนกล้องวงจรปิดจับภาพได้" พ.ต.ท.ชาญณรงค์กล่าว
ขณะที่นายเดชวิทญ์ให้การว่า เมื่อปีที่ผ่านมาตนไปทำงานที่ร้านอาหารสีฟ้า ในกรุงเทพฯ ได้รู้จักกับ น.ส.ทิพย์ ที่มาทำงานเสิร์ฟด้วยกัน และกลับมาทำงานอยู่กินด้วยกันที่อุดรฯ เคยทะเลาะกัน น.ส.ทิพย์หายไปพักใหญ่ และกลับมาเมื่อประมาณช่วงก.ค.และอยู่ด้วยกันโดยไม่รู้ว่าแฟนสาวตั้งท้อง ยอมรับว่าเคยเตือนแฟนสาวว่าหากท้องก็อย่าไปเอาออก กระทั่งมาเกิดเรื่องดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่า หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่คุมตัวน.ส.ทิพย์ไปชี้จุดที่พักห้องเช่า บริเวณชั้นสองของหอพักไม่มีชื่อใกล้จุดพบศพทารก และชี้จุดทิ้งศพในถังขยะ ก่อนคุมตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ที่มา: Khaosod
- Advertisement -