
ฉันพบกับสามีในงานเลี้ยงวันเกิดของเพื่อน ด้วยความที่ฉันโสด เมื่อได้พบเขาจึงรู้สึกชอบเขาตั้งแต่แรกเห็น เขาดูสุขุมหน้าตาดี จึงทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะเป็นฝ่ายเริ่มเข้าหา ถึงแม้ในตอนแรก ๆ เขาจะดูเย็นชา แต่เมื่อเราสองคนมีโอกาสพบกันบ่อยขึ้น เขาก็เริ่มเปิดใจและคบหากับฉัน หลังจากนั้นสองปีเราก็ตัดสินใจแต่งงานกัน
ช่วงที่คบกันแรก ๆ เราก็มีเพศสัมพันธ์กันแล้ว ฉันประทับใจในความสุภาพบุรุษที่เขาต้องใช้ถุงยางทุกครั้งก่อนมาสัมผัสฉัน ถึงแม้ว่าเขาจะดูอาย ๆ ไปบ้าง แต่ฉันก็ชอบที่เขาดูมีความรับผิดชอบดี
ทำให้ฉันกลัวการมีลูก และชินกับการที่เขาสวมใส่ถุงยางอนามัย จนเวลาผ่านไปฉันเริ่มอยากมีลูกสักคน เพื่อมาเติมเต็มครอบครัว เพราะตอนนี้ฉันคิดว่าตัวเองพร้อมแล้ว ฉันจึงไปบอกสามีว่าไม่ต้องใส่ถุงยางอนามัยตอนมีเพศสัมพันธ์กันแล้ว เขาไม่เพียงปฏิเสธ แต่ยังแสดงอาการไม่พอใจที่ฉันไปร้องขออีกด้วย ฉันจึงแอบใช้เข็มเจาะรูถุงยางอนามัยทุกชิ้น แต่ก็ยังถูกจับได้อยู่ดี
เมื่อฉันได้ยินดังนั้น จึงไปสวมกอดเขาทันที แล้วถามว่าความจริงอะไร ? เขาหยิบกระดาษในซองจดหมายออกมาให้ฉันอ่าน กระดาษแผ่นนั้นเป็นผลตรวจเลือดที่บอกว่า เขากำลังติดเชื้อเอชไอวี ฉันตกใจจนล้มตัวลง ฉันถามว่าทำไมถึงปิดบังฉันมาตลอด ? เขาคุกเข่าและร้องไห้บอกฉันว่า เขาได้รับเชื้อมาตั้งแต่ยังไม่รู้จักกับฉัน เขาอยากมีชีวิตปกติเหมือนคนทั่วไป จึงจำเป็นต้องโกหกแบบนี้ เขาคุกเข่าอ้อนวอนฉันไม่ให้ทิ้งเขาไป และขอร้องให้อย่าไปบอกใคร

ชีวิตคนเรามีหลายสิ่งที่ไม่สามารถกำหนดได้เอง โดยเฉพาะเรื่องการเกิด แก่ เจ็บป่วย และตาย คนเรามักโหยหาความสุขในชีวิตเสมอ คนติดเชื้อเอชไอวีนั้นถึงจะมีข้อจำกัดหลายอย่าง แต่ก็ยังสามารถมีชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไปได้หากอยู่ในความดูแลของแพทย์ !
ที่มา: Liekr
- Advertisement -