
จากกรณี นายภาสพล หรือตุ้ม รัตนตยาธิคุณ อายุ 45 ปี นักธุรกิจหนุ่มนักเรียนนอก ถูกยิงเสียชีวิตและทิ้งศพไว้ข้างถนนสายกาฬสินธุ์-สกลนคร บริเวณก่อนถึงจุดชมวิวผาเสวย 100 เมตร ต.ผาเสวย อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 59 ที่ผ่านมา
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามคดี และสามารถตามจับทีมอุ้มฆ่าที่ก่อเหตุทั้งหมดรวม 5 คน ประกอบด้วย
- นายมนูญ หรือสิทธิ์ฐิคมน์ ภัทรเมธาพร อายุ 49 ปี อดีตนายทหารบกยศ พ.อ.
- นายกิตติภพ หรือเฉลา เครือไย อายุ 54 ปี อดีตนายทหารบกยศ ร.อ.
- จ.ส.อ.ชูชัย พิมพิทักษ์ อายุ 44 ปี
- นายนำชัย บัวพัฒน์ หรือนุต อายุ 45 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด
- นายวิรัช หรือกอง รัตนตยาธิคุณ บิดาของนายภาสพล ผู้ตาย ซึ่งเป็นผู้จ้างวานฆ่าลูกชาย
โดยนายกันต์ธร ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือยิง นายภาสพล โดยมีค่าหัวเป็นเงิน 90,000 บาท ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังยึดอาวุธปืนขนาด 9 มม. และรถเก๋งนิสสัน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนที่ใช้ก่อเหตุ และมีบัตรราชการทหารที่ถูกทำปลอมขึ้น
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว นายกันต์ธร ผู้ต้องหาไปยังจุดเกิดเหตุ ใกล้กับจุดชมวิวผาเสวย ท่ามกลางการดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ โดยผู้ต้องหาสารภาพว่า ตนเองเดินทางมาพร้อมกัน 6 คน รวมผู้ตายด้วยรถเก๋ง โดยได้นำตัวผู้ตายออกจากบ้านมาตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งตนเองได้รับการติดต่อจาก นายมนูญ หรือ เสธ.นูญ และได้มารับตนที่จังหวัดปทุมธานี ก่อนออกเดินทางโดยไม่รู้ว่าผู้ตายเป็นใคร
จากนั้นเมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ เสธ.นูญ ได้ยื่นอาวุธปืนให้พร้อมขึ้นนกทันที เมื่อผู้ตายเดินลงไปปัสสาวะข้างทาง จึงได้เดินลงไปลั่นไกที่ด้านหลังจนเสียชีวิต จากนั้นได้ผลักศพลงไปข้างทางแล้วรับเงินค่าจ้าง และแยกย้ายกันหลบหนี
พล.ต.ต.อภิชิต เทียนเพิ่มพูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ผู้ต้องหารายนี้เป็นรายที่ 6 ซึ่งหลบหนีการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความพยายามแกะรอยเป็นอย่างมาก จนสามารถจับกุมได้ ซึ่งในกลุ่มนี้ปกติจะมีอาชีพขับรถแท็กซี่ และมีอาชีพรับจ้างทวงเงิน แต่ในกรณีนี้ผู้ต้องหาที่ลั่นไกคงจะรับจ๊อบเมื่อมีคนจ้างทำงานก็ทำ
ต่อไปนี้คงเข้าสู่ขั้นตอนกระบวนการศาล เนื่องจากเมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา สำนวนได้ส่งไปยังอัยการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะส่งสำวนเพิ่มเพื่อดำเนินการเอาผิดในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น ร่วมกันข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยใช้กำลังประทุษร้ายจนถูกผู้อื่นข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย เป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขัง หรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย
- Advertisement -